ศิลปะบนผนังที่ช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างพลวัตให้กับย่านและชุมชน
กราฟฟิตี้ และ สตรีตอาร์ต สองคำนี้มักถูกใช้ควบคู่กันมาตลอด เพราะเข้าใจแบบผิวเผินว่าน่าจะมีความหมายเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้ว คำสองคำนี้กลับหมายถึงงานศิลปะคนละประเภท และมีรูปแบบหรือเทคนิคที่ใช้ในการสร้างงาน เจตนารมย์ในการสร้างงาน และกลุ่มผู้ชมผลงานที่เป็นเป้าประสงค์ของผลงานแตกต่างกัน
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กท่านหนึ่ง เคยได้ให้นิยามของ กราฟฟิตี้ ไว้ว่า คือ ลักษณะงานที่มุ่งเน้นถึงตัวอักษรเป็นพื้นฐาน (text-based) ซึ่งหมายความรวมถึงการเขียนชื่อของใคร หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีความสำคัญต่อตัวศิลปินลงบนพื้นผิวในที่สาธารณะ และมักจะใช้เพียงสเปรย์กระป๋องเป็นอุปกรณ์หลักในการสร้างผลงาน กราฟฟิตี้จะมุ่งเน้นการแสดงออกถึงตัวตนมากกว่าจะให้ความสำคัญว่าสาธารณชนเข้าใจในสิ่งที่ศิลปินเขียนขึ้นหรือไม่ ดังนั้น หากบุคคลทั่วไปที่พบเห็นภาพกราฟฟิตี้แล้วจะไม่เข้าใจความหมาย หรือดูไม่ออกว่าผู้วาดต้องการสื่อสารถึงอะไร ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ในขณะที่ สตรีตอาร์ต นั้น มีนิยามที่ตรงกันข้าม เพราะงานชนิดนี้จะไม่มุ่งเน้นความโดดเด่นของตัวหนังสือมากนัก แต่จะให้ความสำคัญกับการนำเสนอด้วยภาพ โดยสตรีทอาร์ทจะสร้างมาจากความตั้งใจของศิลปินที่ต้องการให้สาธารณชนได้เห็นงานของตัวเอง และเกิดปฏิสัมพันธ์ ความเข้าใจในสิ่งที่เห็น และอารมณ์หรือความรู้สึกตอบสนองต่อชิ้นงานนั้นด้วย การวาดภาพสตรีตอาร์ตเป็นงานที่มักจะสร้างโดยศิลปินที่ได้รับการฝึกฝนหรือมีความรู้ในเชิงศิลปะการวาดภาพ วัสดุอุปกรณ์ในการสร้างงานก็มีหลายอย่างแตกต่างกันไป ด้วยความที่ต้องใช้ทั้งระยะเวลาและพื้นที่ในการทำงานมากกว่ากราฟฟิตี้ งานสตรีตอาร์ตจึงมักจะสร้างขึ้นในพื้นที่ที่ได้รับการอนุญาตหรือได้รับการสนับสนุนให้สร้างงานขึ้นเป็นส่วนมาก
แม้ในวันนี้ คำว่า ‘สตรีตอาร์ต’ อาจกลายเป็นคำที่คนยุคนี้คุ้นเคย แต่หากมองย้อนกลับไปแล้ว ก็เรียกได้ว่าศิลปะประเภทนี้ได้เดินทางมาไกล จากศิลปะข้างถนนจากเหล่านักก่อกวนในอเมริกาในยุค’ 70s ในทุกวันนี้ สตรีทอาร์ตได้พัฒนากลายเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมในทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นประเด็นที่ถูกอภิปรายอย่างกว้างขวางเช่นกัน แม้หลายๆ คนจะไม่เห็นด้วยและเห็นว่าศิลปะแนวขบถนี้สร้างความเสียหายให้แก่สถาปัตยกรรมและทำให้สภาพแวดล้อมเป็นพิษ (จากสารเคมีที่ใช้) แต่ในหลายๆ กรณี สตรีตอาร์ตได้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการแสดงจุดยืน แนวคิดหรือเจตจำนงค์ รวมถึงถูกใช้เพื่อสร้างพลวัตให้กับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สตรีตอาร์ตกับพื้นที่การท่องเที่ยว
เมืองสำคัญทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น เบอร์ลิน ปารีส นิวยอร์ก เมลเบิร์น ปีนัง ฯลฯ ได้นำสตรีตอาร์ตมาใช้เพื่อการท่องเที่ยว โดยการจัดเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อชมงานสตรีตอาร์ตที่ปรากฏอยู่ตามผนัง กำแพง และพื้นที่ต่าง ๆ ของเมือง ส่วนในประเทศไทยเองก็เริ่มได้รับอิทธิพลเข้ามาในช่วง พ.ศ. 2549 จากสื่ออินเทอร์เน็ตและนักท่องเที่ยวจากโลกตะวันตก
ในประเทศไทย งานสตรีตอาร์ตถูกนำมาเป็นต้นทุนต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การใช้เป็นเครื่องมือในการปรับภูมิทัศน์ชุมชนต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อพลิกฟื้นจากภาพของความทรุดโทรมสู่ชุมชนที่มีความสวยงาม หรือการใช้ภาพสตรีตอาร์ตเพื่อสร้างแรงดึงดูดด้านการท่องเที่ยว และสื่อสารอัตลักษณ์ของชุมชนในต่างจังหวัด
ปัจจุบัน เรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นโดยสตรีตอาร์ตมากที่สุดในประเทศไทย คือ เรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชน โดยที่สตรีตอาร์ตจะทำหน้าที่ในการสื่อสารคุณค่าทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชุมชนได้อย่างชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายในหมู่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ เนื่องจากสื่อภาพมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะจับความสนใจของผู้คนในฐานะประสบการณ์ที่เข้าใกล้ได้ สัมผัสได้ และเข้าถึงได้ง่ายกว่าโบราณวัตถุหรือสถาปัตยกรรมหลายพื้นที่ในประเทศไทยจึงมีการใช้สตรีตอาร์ตเข้าไปเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ เพื่อให้เกิดผลพลอยได้ด้านการท่องเที่ยว
สตรีตอาร์ตในกรุงเทพฯ
เกิดขึ้นจากกิจกรรมที่ชื่อว่า “บุกรุก สตรีทอาร์ต” (BUKRUK Street Art) เทศกาลศิลปะข้างถนน ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยได้ศิลปินจากทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรปมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะลงบนกำแพง ผนังตึก และสถานที่ต่าง ๆ ในละแวกย่านบางรัก - เจริญกรุง, ปากซอยเจริญกรุง 28, ลานจอดรถสำเพ็ง, ตลาดน้อย, ตลาดเฉลิมหล้า - ราชเทวี, Chula Art Town ไปจนถึงเจริญกรุง 30
สตรีตอาร์ตในเชียงใหม่
Photo: Hipthailand.net
เชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งธรรมชาติ วัด ร้านกาแฟ ที่พัก โรงแรม ฯลฯ และยังเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่อง “งานศิลปะ” ทั้งแบบล้านนาโบราณ และแบบศิลปะร่วมสมัย สตรีท อาร์ต (Street Art) ในเชียงใหม่เองก็มีอยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น ถนนวัวลาย, หลังคุกเก่า, ถนนมูลเมือง ซอย 7, วัดล่ามช้าง, ถนนมูลเมือง ซอย 7 ก, ถนนราชภาคินัย ซอย 1, ถนนราชวิถี ซอย 2, วัดดวงดี, ถนนราชมรรคา, ถนนพระปกเกล้าซอย 3, ถนนพระปกเกล้า ซอย 5, ถนนช้างม่อยตัดใหม่, ถนนคชสาร ซอย 4, ประตูท่าแพ (ร้าน CoolMuang Coffee), ถนนสามล้าน ซอย 1 และถนนศรีภูมิ ซอย 6 เป็นต้น
สตรีตอาร์ตในภูเก็ต
Photo: Phuketemagazine.com
ในตัวเมืองภูเก็ตนอกจากจะมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ชิโนโปรตุกีสที่สวยงามมีเสน่ห์แล้ว ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างศิลปะแบบกราฟฟิตี้หรือสตรีทอาร์ตแฝงตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ด้วย โดยได้ศิลปินในภูเก็ตและศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมาช่วยสร้างผลงาน สตรีทอาร์ตในภูเก็ตครั้งนี้มีที่มาจากโครงการ FAT หรือ Food Art Town in Phuket ที่ต้องการนำเสนอวัฒนธรรมภูเก็ตผ่านศิลปะร่วมสมัยที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ผลงานแต่ละชิ้นแฝงตัวอยู่ไม่ไกลจากกัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ตั้งแต่ ถนนปฏิพัทธ์ ถนนดีบุก ถนนถลาง ถนนพังงา ถนนกระบี่ ไปจนถึงถนนรัษฎา
สตรีตอาร์ตในสงขลา
Photo: news.gimyong.com
เทศบาลนครสงขลา ร่วมกับการท่องเที่ยวและกีฬา จ.สงขลา ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์อาคารเก่าคลาสสิกสไตล์ชิโนโปรตุกีส บริเวณสี่แยกถนนนางงามตัดถนนรามัน เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าสงขลา สร้างศิลปะแนวสตรีทอาร์ต (Street Art) หรือศิลปะข้างถนนด้วยภาพวาดสีน้ำ ทำให้เมืองมีสีสัน และยังได้สะท้อนเรื่องราววิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนสงขลาด้วย
สตรีตอาร์ตในสุโขทัย
Photo: Tatguru.com
สตรีทอาร์ต สวรรคโลก หรือ Sawankhalok Street Art Walking Street ตั้งอยู่ที่ย่านเมืองเก่าสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย บนถนนพิศาลสุนทรกิจ ใกล้ ๆ กับสถานีตำรวจสวรรคโลก โดยได้ 5 ศิลปิน จากสิงคโปร์ กัมพูชา มาเลเซีย และไทย มาสร้างสรรค์ผลงานหลักๆ 6 ชิ้นให้
สตรีตอาร์ตในโคราช
Photo: facebook.com/MHLMagazine
สำนักวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับกราฟฟิตี้เเนวหน้าของประเทศ รวมกว่า 30 คน สร้างผลงานสนับสนุนโครงการ “โคราชเมืองศิลปะ” โดยใช้สีสันของงานกราฟฟิตี้มาช่วยเปลี่ยนกำแพงแห้งแล้งให้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในตัวเมืองโคราช ซึ่งสถานที่ในการเริ่มโครงการนี้อยู่บริเวณประตูผี (ประตูไชยณรงค์) บนกำแพงหน้าออฟฟิศนครชัยขนส่ง และกำแพงบริเวณใกล้เคียง ที่มีพื้นที่กว่า 49 เมตร บางภาพซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้ หรือตามซอกมุมต่าง ๆ กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากค้นหาให้ทั่วว่าภาพต่อไปอยู่ตรงไหนบ้าง
สตรีทอาร์ต ถูกนำมาใช้เป็นสื่อในการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมได้ง่ายกว่าสื่อประเภทอื่น การสื่อสารผ่านภาพทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงและเข้าใจพื้นที่การท่องเที่ยวที่ตนเองไปเยือนได้ง่ายขึ้น ทั้งในแง่วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์ความเป็นมา โดยไม่ต้องอาศัยความเข้าใจด้านภาษา หลาย ๆ พื้นที่ หลาย ๆ จังหวัดในประเทศไทยจึงอาศัยศิลปะแขนงนี้เข้ามาช่วยในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของเมือง เพื่อปรับให้พื้นที่เหล่านั้นกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว และนับเป็นการชุบชีวิตพื้นที่ที่แห้งแล้ง ทรุดโทรม ให้กลับมามีชีวิตและกลายเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมได้อีกครั้ง