กล่าวได้ว่าประเด็นเรื่อง “ทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา” ยังเป็นประเด็นร้อนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สมัชชาแม่น้ำและเครือข่าย 35 องค์กร ได้จัดแถลงการณ์ “หยุด! ทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา” เพื่อคัดค้านโครงการดังกล่าว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องการ ‘รักษา’ และ ‘ทำลาย’ สถาปัตยกรรม สิ่งปลูกสร้าง โบราณสถานและมรดกที่มีคุณค่าต่อชุมชนและสังคมถูกหยิบยกมาอภิปรายกันในโลกโซเชียลอยู่บ่อยครั้ง ทั้งกรณีของป้อมมหากาฬ ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ ไปจนถึงการบูรณะพระปรางค์วัดอรุณฯ ประเด็นร้อนล่าสุดอย่างโครงการการก่อสร้างทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะเป็นประเด็นสำคัญที่จะถูกหยิบยกมาตั้งคำถาม ในงานสถาปนิก’64 “มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage”
ดร. วสุ โปษยะนันทน์ ประธานการจัดงานสถาปนิก’64 กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “โครงการ การก่อสร้างทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากที่เราจะต้องมารีโฟกัสกันครับ อย่างกระแสที่ออกมาให้ความเห็นคัดค้านกันในขณะนี้ อันดับแรกก็คงมาจากการที่ทางกทม. ประกาศเดินหน้าก่อสร้างโครงการนี้ โดยให้เหตุผลว่าไม่มีใครคัดค้านแล้ว จึงต้องแสดงตัวกันออกมาว่าไม่จริง
แต่ทำไมถึงไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างล่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ผมเองจริงๆ แล้วเห็นด้วย อย่างยิ่งกับการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ควรจะมาจากกระบวนการศึกษา ประเมิน คุณค่าของพื้นที่ เก็บข้อมูลปัญหา การรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง ภาครัฐและเอกชน แล้วนำมาใช้ในการออกแบบ และวางแผนการจัดการ ไม่ใช่ทำอะไร ด้วยความเร่งรัด มีแบบที่คิดจะสร้างมวลคอนกรีตขนาดใหญ่รุกล้ำลงไปในแม่น้ำเพื่อความรวดเร็ว หลีกหนีปัญหาการรุกล้ำแม่น้ำที่มีอยู่เดิมอยู่ตลอดแนวด้วยการรุกล้ำต่อเข้าไปอีก ไม่ว่าจะมีการศึกษา เก็บข้อมูล รับฟังความเห็นใดๆ ท้ายสุดก็ยังจะสร้างในลักษณะเดิม กระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เพียงแค่ไว้บอกได้ว่าทำแล้ว ตอนสร้างกำแพงเขื่อนริมแม่น้ำก็เป็นเช่นนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว มันต้องมองเก่าให้ใหม่แล้วครับ
สำหรับผม แม่น้ำเจ้าพระยาคือมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญมากของประเทศไทย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในพื้นที่ของโครงการนี้ นี่คือหลักฐานของพัฒนาการของการสร้างเมืองกรุงเทพฯของเราเลยทีเดียว นี่คือตัวแทนของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตามแบบของเรา ที่มีแม่น้ำเป็นเส้นเลือดทางสัญจรหลัก และนี่คือทางสัญจรทางน้ำที่ใช้เรือเป็นพาหนะ การเข้าถึงได้ทางจักรยานจึงไม่ใช่คำตอบครับ ประเด็นสำคัญที่อยากสื่อถึงผู้ชมงานสถาปนิกในครั้งนี้ก็คือ เราสามารถใช้ประโยชน์จากมรดกของเราได้ ด้วยการออกแบบที่ดี คำนึงถึงคุณค่าของมรดกที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับเรา ต้องมีความชาญฉลาดในการใช้ทรัพยากร ไม่ใช่หวังเพียงให้มีการก่อสร้างที่อาจจะต้องมาหาทางทุบทิ้งออกไปในอนาคต อย่างไรก็ตามโครงการนี้ก็จะไม่ได้สร้างเชื่อมต่อกันอย่างครบถ้วนอยู่แล้ว เพราะไม่ได้รับความเห็นชอบให้เข้าไปในพื้นที่ของกรุงรัตนโกสินทร์ได้....คิดดูง่ายๆ ก็ได้ครับถ้าโครงการนี้ดี ก็คงไม่มีปัญหาในคณะกรรมการกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งท่านรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเองอยู่แล้ว ”
นิทรรศการวิกฤตมรดกบนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนิทรรศการธีมงานของงานสถาปนิก’64 มุ่งนำเสนอประเด็นร้อนเกี่ยวกับมรดกที่มีการพูดถึงในโลกโซเชียล เพื่อเชิญชวนให้ประชาชน ไปจนถึงผู้ดูแลสมบัติสาธารณะของประเทศมาช่วยกันตั้งคำถาม และมาร่วมค้นหาคำตอบ เกี่ยวกับเรื่องที่สังคมกำลังจับตา นอกจากนิทรรศการนี้แล้ว ในงานสถาปนิก’64 “มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage” ยังนำเสนอนิทรรศการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการอนุรักษ์ เพื่อเชิญชวนให้ผู้เข้าชมมามองมรดกที่อยู่รอบตัวเราในแง่มุมใหม่ พร้อมสร้างความตระหนักถึงบทบาทในความเป็นเจ้าของมรดกเหล่านั้นเพื่อให้เกิดความรู้สึกหวงแหนและอยากรักษาสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้ให้มีอยู่ต่อไป
งานสถาปนิก'64 "มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-27 มิถุนายนนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี